เชื่อว่าคนที่มีรถยนต์ หรือคนที่รักรถคงจะพอทราบกันมาบ้างแล้วว่าการเคลือบแก้วนั้นมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เชื่อได้เลยคงมีอีกหลายๆ คนเลยที่ยังไม่รู้กว่าจริงๆ แล้วการเครือบแก้วคืออะไร มีกรรมวิธีอย่างไร และใช้สารอะไรในการเคลือบรถยนต์ของเรา ซึ่งในวันนี้เราไปทำความรู้จักกับการเคลือบแก้วกันดีกว่าว่าตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่
การเคลือบแก้ว หรือ Glass Coating คือ กรรมวิธีในการเคลือบผิวของรถยนต์ด้วยการใช้น้ำยาแบบพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica) ซึ่งมีระดับความหนาของชั้นเคลือบตั้งแต่ระดับ 1-10 H โดยการเคลือบแก้วนั้นนอกจากจะมีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดขวนเล็กๆ น้อยๆ ให้กับตัวรถได้แล้ว ยังช่วยทำให้ผิวรถยนต์ของเราเป็นประกายเงางามอีกด้วย
ข้อดีของการเคลือบแก้ว
1.ช่วยป้องกัน และลดรอยขีดขวนเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับรถของเราได้ เช่น รอยขนผ้า รอยขนแมว ทำให้รถของเราไม่เป็นรอยง่ายๆ
2.ช่วยป้องกัน และทำให้สีของรถยนต์ดูสวยสดใหม่อยู่เสมอ
3.ช่วยปกป้องตัวรถจากแสง UV สำหรับคนที่ต้องจอกรถตากแดดอยู่บ่อยๆ
4.ช่วยปกป้องตัวรถจากคราบะเปื้อนต่างๆ ได้ เช่น น้ำฝน คราบหยดน้ำ ขี้นก จนไปถึงยางมะตอย
5.มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนาน การเครือบแก้วหนึ่งครั้งสามารถอยู่ได้ 2 – 3 ปีเลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการ)
6.ทำความสะอาดง่าย เพียงแค่ใช้น้ำฉีดก็สามารถล้างคราบสกปรกออกไปจากตัวรถได้เลย ทำให้เราไม่เสียเวลามากกับการล้างรถ
ข้อพิจารณาในการเคลือบแก้วให้กับรถยนต์
1.การเคลือบแก้วช่วยปกป้องตัวรถจากรอยขีดขวนเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดจากฝุ่นบนท้องถนนได้ก็จริง แต่ไม่สามารถป้องกันรอยขีดขวนหนักๆ อย่างการโดนทุบด้วยของแข็ง หรือการนำฟองน้ำติดทรายไปทูรถได้
2.รถที่สามารถเคลือบแก้วได้ต้องเป็นรถที่ไม่มีรอยขีดขวนใดๆ และสะอาดอยู่ก่อนแล้ว หากรถไม่อยู่ในสภาพที่ดีจำเป็นต้องทำการ Wet Look ก่อน จึงจะสามารถทำการเคลือบแก้วได้
3.การเคลือบแก้วในแต่ละครั้งนั้นมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปเพราะการเคลือบแก้วนอกจากจะสวยป้องกันรอยขีดขวนให้กับตัวรถได้แล้วยังทำให้รถของเราดูสวยเงางามเหมือนรถใหม่ไปได้อีกนาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันถึงนิยมการเคลือบแก้วกัน
เล่ามาถึงตรงนี้คงจะพอทราบกันแล้วใช่ไหมละครับว่าการเคลือบแก้วนั้นคืออะไร